วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557


วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร


            วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
            ชาวบ้านส่วนใหญ่มักเรียกขานกันว่า วัดใหญ่ หรือวัดพระศรี กันจนติดปาก แม้นพระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานในวิหารคือ พระพุทธชินราช ชาวเมืองพิษณุโลกก็นิยมเรียกกันว่า หลวงพ่อใหญ่ ตามไปด้วย วัดใหญ่นับเป็นพระอารามหลวงที่สำคัญของจังหวัด เพราะเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวเมืองและชาวไทยทั้งประเทศ ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธบูชา ตำบลในเมือง ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเมืองเมื่อปี พ.ศ. 1900 ภายในวัดสิ่งโบราณสถานโบราณวัตถุล้ำค่ามากมาย อาทิ

            พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดหน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว และสูง 7 ศอก ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศ

            บานประตูประดับมุก ที่ทางเข้าพระวิหารด้านหน้า สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2299 เป็นฝีมือช่างหลวงสมัยอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมโกศ ตรงกลางประตูมีสันอกเลาประดับลวดลายพุ่มข้าวบิณฑ์ สองข้างเป็นลายกนกก้านแย่ง ช่วงกลางอกเลามีรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เรียกว่า นมอกเลา เป็นรูปบุษบก มีรูปพระอุณาโลมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธองค์ประดิษฐานบนบัลลังก์อยู่ เดิมบานประตูวิหารพระพุทธชินราชทำด้วยไม้สักแกะสลัก เมื่อทำบานประตูประดับมุกเสร็จแล้ว บานประตูเก่าได้นำไปประดับประตูวิหารพระแท่นศิลาอาสน์ จังหวัดอุตรดิตถ์

            พระเหลือ พระยาลิไทรับสั่งให้ช่างนำเศษทองสัมฤทธิ์ที่เหลือจากการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา มารวมกันหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดเล็ก เรียกว่า พระเหลือ และพระสาวกยืนอีก 2 องค์ ส่วนอิฐที่ก่อเตาสำหรับหลอมทองได้นำมารวมกันบนฐานชุกชี พร้อมกับปลูกต้นมหาโพธิ์ 3 ต้นบนชุกชี เรียกว่า โพธิ์สามเส้า ระหว่างต้นโพธิ์ได้สร้างวิหารน้อยขึ้นหนึ่งหลัง อัญเชิญพระเหลือกับพระสาวกไปประดิษฐาน เรียกว่า วิหารพระเหลือ โดยคนในท้องถิ่นเชื่อว่าหากได้นมัสการ ก็จะเป็นมงคลโดยเฉพาะนักธุรกิจ พ่อค้า และคนที่อยู่ในแวดวงการเงิน เนื่องจากชื่อ "พระเหลือ" มีความหมายพ้องกับ "เหลือกกิน เหลือใช้"

            บทสวดบูชา พุทธะบูช มหาเตชะวันโต ธัมมะบูชา มหาปัญญะวันโต สังฆะบูชา มหาโภคะวะโหติโลกา นากัง อภิปูชะยามะฯ

            พระอัฏฐารส เป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติด้านหลังพระวิหาร สูง 18 ศอก สร้างในสมัยเดียวกับพระพุทธชินราช ราว พ.ศ. 1811 เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารใหญ่แต่วิหารได้พังไปจนหมด เหลือเพียงเสาที่ก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ 3-4 ต้น เรียกว่า เนินวิหารเก้าห้อง

            พระปรางค์ประธาน ศิลปสมัยอยุธยาตอนต้น ฐานย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ เดิมเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัยแท้ ต่อมาถูกแปลงให้เป็นพระปรางค์ในสมัยอยุธยา
 อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

            แหล่งที่ในอดีตเคยเป็นสมรภูมิแห่งการต่อสู้ แต่ในปัจจุบันคงใช้แต่ความสงบ ความร่มรื่น ความงดงามแห่งธรรมชาติ ที่แอบแฝงเอกลักษณ์เฉพาะทางธรณีวิทยาให้ผู้เยี่ยมเยือนได้สัมผัส และเรียนรู้ ทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์

            ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัดคือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ครอบคลุมพื้นที่ 191,875 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 ภูหินร่องกล้ามียอดเขาสูง 1,617 เมตร มีทิวทัศน์สวยงาม ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา และป่าสนเขา มีสนสองใบและสนสามใบขึ้นปะปนกัน และพบกล้วยไม้ดอกไม้ป่าหลายชนิดขึ้นอยู่ตามลานหิน

            ภูหินร่องกล้าเคยเป็นศูนย์กลางที่ตั้งฐานที่มั่นการเผยแพร่ลัทธิ คอมมิวนิสต์ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของภาคเหนือ ซึ่งเป็นศูนย์กลางแพร่กระจายลัทธิคอมมิวนิสต์ไปสู่เขาค้อ ภูขัด และภูเมี่ยง จนเกิดเป็นปัญหาความมั่นคงทางการเมือง เมื่อเหตุการณ์สงบลงในปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2525 ได้มีการตัดเส้นทางผ่านใจกลางภูหินร่องกล้าและจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ขึ้น จนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือตอนล่างในปัจจุบัน 

            แหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่

             พิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวการใช้ชีวิต และการสู้รบของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) รวมทั้งจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้และอาวุธต่าง ๆ

            ทางเดินโลกที่สาม เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ผ่านภูมิทัศน์ที่สวยงาม และสถานที่สำคัญของ พคท. ได้แก่ สำนักอำนาจรัฐ เป็นสถานที่ดำเนินการทางการปกครอง พิจารณาลงโทษผู้กระทำผิด มีคุก สถานที่ทอผ้าและโรงซ่อมเครื่องจักรกล ที่หลบภัยทางอากาศ เป็นโพรงถ้ำกว้างขวางจุคนได้กว่า 200 คน ผาชูธง เป็นจุดที่คอมมิวนิสต์ชักธงแดงทุกครั้งที่รบชนะ ลานหินปุ่ม เต็มไปด้วยหินปุ่มตะป่ำเป็นบริเวณกว้างดูแปลกตา เกิดจากการสึกกร่อนของหินโดยธรรมชาติ เคยใช้เป็นที่พักฟื้นคนไข้

            โรงเรียนการเมือง การทหาร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 6 กิโลเมตร เคยใช้เป็นสถานที่ให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ มีบ้านพักฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ และสถานพยาบาล กระจายตัวอยู่ใต้ร่มไม้แน่นทึบ ประมาณ 30 หลัง กระจายอยู่ภายใตัผืนป่ารกทึบ ในบริเวณใกล้เคียงยังมี สุสานทหาร และกังหันน้ำสำหรับสีข้าว

            น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร ห่างจากโรงเรียนการเมืองประมาณ 600 เมตร มีทางแยกเดินลงน้ำตกร่มเกล้าก่อน จากนั้นเดินลงไปประมาณ 200 เมตร จะเป็นน้ำตกภราดร ที่เกิดจากลำธารเดียวกัน

            ลานหินแตก เป็นลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก ตามซอกหินพบไม้ประเภทมอสส์ ไลเคน เฟิร์น และกล้วยไม้

            น้ำตกศรีพัชรินทร์ ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารจากค่ายศรีพัชรินทร์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นทหารหน่วยแรกที่ขึ้นมาบนภูหินร่องกล้า น้ำตกศรีพัชรินทร์มีความสูงประมาณ 20 เมตร มีแอ่งใหญ่ที่เหมาะสำหรับเล่นน้ำ

            น้ำตกหมันแดง เป็นน้ำตกที่มีชั้นต่าง ๆ รวม 32 ชั้น เกิดจากห้วยน้ำหมัน ซึ่งมีน้ำตลอดปี อยู่บนเส้นทางสายภูหินร่องกล้า-หล่มเก่า กม. 18 มีทางเดินเท้าเข้าสู่น้ำตกอีก 3.5 กิโลเมตร
 วัดราชคีรีหิรัญยาราม
            ตั้งอยู่ที่บ้านสมอแคลง ในเขตอำเภอวังทอง เดินทางจากตัวเมืองพิษณุโลกไปตามทางหมายเลข 12 (เส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก) ประมาณ 14 กิโลเมตร (ก่อนถึงอำเภอวังทอง 3 กิโลเมตร) มีทางแยกซ้ายไปอีก 500 เมตร บนเขาสมอแคลงมีสระน้ำเรียกว่า สระสองพี่น้อง มีน้ำตลอดปี คนโบราณจึงได้สร้างวัดไว้ถึง 7 วัด แต่บัดนี้ร้างไปหมดแล้ว สำหรับวัดราชคีรีหิรัญยารามหรือวัดพระพุทธบาทเขาสมอแคลงนี้ เดิมเป็นวัดร้าง และมีพระสงฆ์มาจำพรรษาเพื่อ พ.ศ. 2496 ในบริเวณวัดมีรอยพระพุทธบาทจำลอง และบนเขาซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของวัดมีรอยพระบาทตะแคงอยู่กับหน้าผา มีงานนมัสการพระพุทธบาทในกลางเดือน 3 เป็นประจำทุกปี

            เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ. 2535 ได้มีการอัญเชิญพระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งแกะสลักจากหินทะเลสาบหยกขาวจากเมืองหางโจว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นปางพิเศษที่ได้รับอนุมัติให้สร้างโดยรัฐบาลจีนโดยใช้ต้นแบบจากวัดเจ้า แม่กวนอิมเมืองหางโจว มีขนาดสูง 3 เมตร หนัก 3 ตัน มาประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้

            ถัดจากวัดเจ้าแม่กวนอิมขึ้นไปบนเขา จะมีทางแยกไปศาลเจ้าเห้งเจีย ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนไปไหว้เจ้าทำบุญกันเป็นประจำ และถัดจากศาลเจ้าเห้งเจียขึ้นไปอีกจะเป็นจุดชมวิวสูงสุดของเขาแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุเจดีย์ศรีบวรชินรัตน์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระนลาฏ (กระดูกหน้าผาก)ของพระพุทธเจ้า เจดีย์มีลักษณะเป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ที่ฐานประดิษฐานพระพุทธลีลามหาธรรมราชาลิไททั้ง 4 ด้าน   

อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล

            ครอบคลุมเนื้อที่ 1,775 ไร่ ในท้องที่อำเภอเนินมะปราง ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 85 กิโลเมตร การเดินทางเริ่มจากตัวเมืองพิษณุโลกไปตามทางหลวงหมายเลข 12 ถึงอำเภอวังทองระยะทาง 20 กิโลเมตร แยกขวาไปยังอำเภอสากเหล็กอีก 38 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 11 แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวง 1115 อีก 17 กิโลเมตร ถึงโรงเรียนเนินมะปรางศึกษาวิทยา (ก่อนถึงตัวอำเภอ 2 กิโลเมตร) มีแยกขวาไปถ้ำผาท่าพลอีก 10 กิโลเมตร เส้นทางบางช่วงเป็นทางลูกรัง ในฤดูฝนควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ


            พื้นที่บริเวณนี้เป็นภูเขาหินปูน ยอดสูงสุด 236 เมตร มีหน้าผาสูงชันเว้าแหว่ง อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนนับหลายล้านปี เกิดเป็นถ้ำต่าง ๆ มากมายทั่วบริเวณ ได้แก่ ถ้ำนเรศวร ถ้ำเรือ ที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ถ้ำลอด ซึ่งสามารถเดินทะลุไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาได้

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล


            นอกจากนี้ ยังพบซากดึกดำบรรพ์ของหอยและปะการัง เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเลมาก่อน และยังมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์รูปมือคนบนเพิงผาหิน และอักษรญี่ปุ่นโบราณสลักบนก้อนหิน พรรณไม้และร่องรอยสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่มักพบระหว่างทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ เหมาะแก่การทัศนศึกษาเชิงนิเวศ
10.ผาชูธง ลักษณะป็นเพิงผาสูงชัน สามารถมองทิวทัศน์บริเวณโดยรอบได้เกือบ 360 องศา เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งที่เหมาะสำหรับการมานั่งรอชมบรรยากาศอาทิตย์ ลับขอบฟ้าในอดีตเคยเป็นสถานที่ที่กลุ่ม ผกค. ขึ้นไปชูธงแดงรูปค้อนเคียวทุกครั้งที่ทำการรบชนะฝ่ายรัฐบาล
9.ลานหินปุ่ม ลักษณะคล้ายกับลานหินแตก แต่แปลกประหลาดที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง คือ ไม่ได้แตกเป็นร่องลึกแต่นูนโค้งเป็นทรงกลมบ้าง ครึ่งวงกลมบ้าง ไม่ก็รีเรียวบิดเบี้ยวบ้าง สันนิษฐานว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินมาเป็นระยะเวลานับพันนับหมื่นปี
7.  หล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางอุดมการณ์ของชนชาติ ไทยที่สำคัญในอดีต อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่บนรอยต่อสามจังหวัด คือ พื้นที่อำเภอด่านซ้าย ของจังหวัดเลย พื้นที่อำเภอนครไทย ของจังหวัดพิษณุโลก และพื้นที่อำเภอหล่มสัก ของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีอาณาเขตพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่
8.ลานหินแตก ลานหินขนาดใหญ่กินอาณาบริเวณ กว้างขวางถึง 40 ไร่ ลักษณะของลานหินเสมือนรอยแตกเป็นแนวร่องเหมือนแผ่นดินที่แยกออกจากกัน สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลกในอดีต บริเวณลานหินแตกยังถูกปกคลุมไปด้วยพืชตระกูลมอส ไลเคน ตะไคร่ เฟิร์น ต้นกระดุมเงิน ดอกไม้ป่า และกล้วยไม้สีสันสดสวยแปลกตามากมาย